วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พระประวัติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย "

 พระประวัติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย "

ประสูติ
                พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระองค์ที่ 2 ในเจ้าจอมมารดาตลับ ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ จุลศักราช 1236 ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2417ต่อมาทรงได้รับพระราชทานนามจากพระราชบิดาว่า "รพีพัฒนศักดิ์" เมื่อทรงพระเยาว์พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงได้รับการอภิบาลจากเจ้าจอมมารดาตลับ หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์ พึ่งบุญ และพระยาเวียงในนฤบาล (หรั่ง เกตุทัต)
 
พระบิดา

                พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง (พ.ศ. 2411) รวมสิริดำรงราชสมบัติ 42 ปี 22 วัน  เสด็จสวรรคต เมื่อวันเสาร์ เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ปีจอ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) ด้วยโรคพระวักกะ รวมพระชนมพรรษา 57 พรรษา
ผู้คนมักออกพระนามว่า "ปิยมหาราช" แปลว่า ราชายิ่งใหญ่ผู้ทรงเป็นที่รัก และว่า "พระพุทธเจ้าหลวง"

พระมารดา

               เจ้าจอมมารดาตลับ เกตุทัต ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2395 - ประมาณ พ.ศ. 2471) เจ้าจอมมารดาตลับเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2395 เป็นธิดาคนโตของพระยาเวียงในนฤบาล (หรั่ง เกตุทัต) และขรัวยายอิ่ม
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เจ้าจอมมารดาตลับได้ถวายตัวเป็นพระสนมสิบสองพระกำนัลตามโบราณราชประเพณี ต่อมาได้รับพระราชทานหีบหมากทองคำ จึงมีศักดิ์เป็น"เจ้าจอมตลับ" และหลังจากประสูติพระราชธิดาพระองค์แรกจึงได้มีศักดิ์เป็น"เจ้าจอมมารดาตลับ" มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 4 พระองค์ คือ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญา
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
เจ้าจอมมารดาตลับถึงแก่อสัญกรรมประมาณปี พ.ศ. 2471 รวมอายุประมาณ 76 ปี

การศึกษา

                เมื่อเจริญวัยขึ้นพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าศึกษาวิชาภาษาไทยเบื้องต้นกับพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) โดยใช้เก๋งกรงนกภายในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ทรงพระอักษร  เมื่อทรงศึกษาวิชาภาษาไทยจบแล้ว ก็ทรงเข้าศึกษาต่อที่สำนักของบาบู รามซามี โดยใช้โรงเรียนทหารมหาดเล็กเป็นที่ถวายพระอักษรจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2426 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสวนกุหลาบ
ในการส่งพระราชโอรสไปศึกษายังต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเป็นพระราชโอรสกลุ่มแรกที่ทรงไปศึกษาต่อในทวีปยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2428 พร้อมกัน 4 พระองค์ คือ
    พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ (กรมพระจันทบุรีนฤนาถ)
    พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ (กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์)
    พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม (กรมหลวงปราจิณกิติบดี)
    พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช (กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช)
แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ทรงแยกกันเรียน โดยพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ เสด็จไปศึกษาที่กรุงเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ โดยให้หมอเกาวัน เป็นผู้จัดการศึกษา ในการนี้เป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้น จึงมีเพียงครูชาวต่างชาติมาถวายพระอักษรที่ตำหนักครึ่งวัน และหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ถวายการสอนภาษาไทยอีกครึ่งวัน
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงศึกษาวิชาภาษาละติน วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาภาษาฝรั่งเศสอยู่ 2 ปี จึงเสด็จนิวัติประเทศไทย จนถึงปี พ.ศ. 2431 จึงเสด็จไปศึกษาต่อในชั้นมัธยมอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และต่อมาปี พ.ศ. 2434 ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช ในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2337 ทรงสามารถสอบไล่ได้ตามหลักสูตรชั้นปริญญาเกียรตินิยม จากนั้นจึงเสด็จกลับประเทศไทย ด้วยพระอัจฉริยภาพที่มีมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จึงได้รับพระสมญาว่า เฉลียวฉลาดรพี

 
พระราชพิธีโสกันต์

                พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดให้ตั้งพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 3 พระองค์พร้อมกันคือ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช และพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นการสมโภช 3 วัน ตั้งแต่วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2427 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2427 แล้วจึงประกอบพระราชพิธีโสกันต์ในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2427 โดยโปรดให้ทรงเครื่องต้นทั้ง 3 พระองค์

 
ทรงผนวช

                หลังจากพระราชพิธีโสกันต์ผ่านพ้นไปแล้วพระเจ้าลูกยาเธอที่จะเสด็จไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ จึงได้ทรงผนวชพร้อมกันตามโบราณราชประเพณี โดยมีกำหนดการที่สำคัญดังนี้
    7 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - การพิธีสมโภชพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ที่จะทรงสมโภช
    8 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พิธีผนวชพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ในคืนวันนี้พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ ทรงจำวัดที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
    9 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำเสด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ส่งต่อไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร
    12 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ไปจำวัดที่วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ บางปะอิน
    29 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ได้เสด็จกลับพระนคร
 
รับราชการ

            พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเริ่มรับราชการในสำนักราชเลขาธิการ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี ทรงประกอบพระกรณียกิจ อันเป็นคุณประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อวงการกฎหมายไทยและศาลสถิตยุติธรรม ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และสภานายกในกองข้าหลวงพิเศษ จัดการปรับปรุงศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ จัดตั้งศาลมณฑล และศาลจังหวัด ทั่วประเทศ, ทรงเป็นประธานกรรมการตรวจชำระกฎหมาย ประมวลขึ้นเป็นกฎหมายอาญาฉบับ ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) , ทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายเพื่อเปิดการสอนกฎหมาย ทรงรวบรวมและแต่งตำราคำอธิบายกฎหมายลักษณะต่างๆ มากมาย และทรงสอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง, ทรงเป็นกรรมการตรวจตัดสินความฎีกาซึ่งเทียบได้กับศาลฎีกาในปัจจุบัน, เมื่อ พ.ศ. 2443 ทรงตั้งกองพิมพ์ลายมือขึ้น สำหรับตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาในคดีอาญา ตำแหน่งสุดท้ายทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ทรงปรับปรุงกิจการกรมทะเบียนที่ดิน


พระโอรส-ธิดา

                หลังพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เสด็จกลับจากศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสู่ขอ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงอรพัทธ์ประไพ พระธิดาองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ พระราชทานเสกสมรสให้ โดยในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่มีการพระราชทานน้ำสังข์ แต่ทรงมีชีวิตร่วมกันเพียงไม่นานก็หย่าขาดจากกัน หลังจากนั้นพระองค์จึงรับหม่อมอ่อนในเป็นชายา
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงมีพระโอรส-ธิดา ที่ประสูติกับหม่อมอ่อน หม่อมแดง และหม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช ทุกพระองค์ทรงตั้งชื่อคล้องจองกันหมด และมีความหมายเกี่ยวกับ พระอาทิตย์[13]
หม่อมอ่อน รพีพัฒน์ ณ อยุธยา
หม่อมอ่อน รพีพัฒน์ ณ อยุธยา ธิดาใน หม่อมราชวงศ์สำอาง เสนีวงศ์ [14] กับพระยาสุพรรณพิจิตร (โต) ก็ได้รับหม่อมอ่อนเข้ามาเป็นชายา เสด็จในกรมหลวงราชบุรีและหม่อมอ่อนมีโอรสธิดารวม 11 พระองค์ ดังนี้
หม่อมเจ้าหญิงพิมพ์รำไพ รพีพัฒน์ (18 มกราคม 2441 - 22 กุมภาพันธ์ 2510)
หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์ (29 ตุลาคม 2442 - 19 ตุลาคม 2521)
หม่อมเจ้าสุรีย์ประภา รพีพัฒน์ (16 เมษายน 2444 - 19 กุมภาพันธ์ 2513)
หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์ (25 ธันวาคม 2445 - 29 ธันวาคม 2501)
หม่อมเจ้าหญิงชวลิตโอภาส รพีพัฒน์ (11 กุมภาพันธ์ 2447 - 18 มิถุนายน 2475)
หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ (19 พฤศจิกายน 2448 - 18 พฤษภาคม 2475)
หม่อมเจ้าเพลิงนภดล รพีพัฒน์ (30 ธันวาคม 2449 - 22 กรกฎาคม 2528)
หม่อมเจ้าถกลไกรวัล รพีพัฒน์ (2 มกราคม 2452 - 16 กันยายน 2523)
หม่อมเจ้ารวิพรรณไพโรจน์ รพีพัฒน์ (5 กันยายน 2455 - 18 กุมภาพันธ์ 2531)
หม่อมเจ้าดวงทิพโชติแจ้งหล้า รพีพัฒน์ (11 ตุลาคม 2457 - 4 มีนาคม 2542)
หม่อมเจ้าฑิตยาทรงกลด รพีพัฒน์ (21 พฤษภาคม 2459 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553)
หม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา
หม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา เป็นบุตรสาวของพ่อค้าจีนเจ้าของร้านเพชรหัวเม็ด ในประมาณปี พ.ศ. 2458 เสด็จในกรมหลวงราชบุรี ทรงรับหม่อมแดงเข้ามาเป็นหม่อมในพระองค์ เสด็จในกรมหลวงราชบุรีและหม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา มีธิดารวม 1 พระองค์ ดังนี้
หม่อมเจ้าหญิงคันธรสรังษี รพีพัฒน์ (5 มีนาคม 2459 - 23 พฤษภาคม 2526)
หม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช บุตรีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ และหม่อมนุ่ม เสด็จในกรมหลวงราชบุรีและหม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช มีธิดารวม 1 พระองค์ ดังนี้
หม่อมเจ้าหญิงรำไพศรีสอางค์ รพีพัฒน์ (17 กันยายน 2462 - 4 เมษายน 2543)

สิ้นพระชนม์

                ในปี พ.ศ. 2462 พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงประชวรด้วยพระโรคที่ต่อมลูกหมากและมีการแทรกซ้อนต่อไปยังพระวักกะ (ไต) จึงทรงขอลาพักราชการในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2462 เพื่อรักษาพระองค์แต่อาการยังไม่ทุเลา ต่อมาจึงเสด็จไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่พระโรคที่พระวักกะก็ยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเกินที่แพทย์จะเยียวยาได้ จนกระทั่งถึงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2463 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์สิ้นพระชนม์ สิริพระชันษา 45 ปี 9 เดือน 17 วัน
พระศพของพระองค์ได้รับการถวายพระเพลิงที่กรุงปารีส หลังจากนั้น หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์เสด็จไปรับและอัญเชิญพระอัฐของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์มาถึงประเทศไทยในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2463 ในคราวนั้นเจ้าเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)หวนระลึกถึงรับสั่งของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ได้ตรัสไว้ก่อนที่เสด็จไปรักษาพระองค์ที่ประเทศฝรั่งเศสว่า


1 ความคิดเห็น:

  1. Harrah's Lake Tahoe - MapyRO
    Harrah's 당진 출장샵 Lake Tahoe features a casino, 강릉 출장샵 restaurants, shops and 경기도 출장안마 bars located near the 군산 출장샵 iconic hotel. All the 오산 출장샵 while offering the best in entertainment.

    ตอบลบ